เลื่อยเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานอุตสาหกรรม ซึ่งเลื่อยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการตัดชิ้นงานที่แตกต่างกัน รวมทั้งรอยตัดหลังจากการใช้งานก็แตกต่างกัน ใบเลื่อยจิ๊กซอว์เป็นเลื่อยอีกหนึ่งชนิดที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรม ใบเลื่อยจิ๊กซอว์สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลายงานเพียงแต่ต้องพิจารณาคุณสมบัติต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการ
ใบเลื่อยจิ๊กซอว์ (Jigsaw blade)
คือ อุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการตัดวัสดุต่าง ๆ โดยมักใช้กับเครื่องเลื่อยจิ๊กซอว์ (jigsaw) มักจะทำจากวัสดุที่แข็งแรงเช่น เหล็กคาร์บอน, อะลูมิเนียม, หรือวัสดุที่ทนทานต่อการตัด เช่น ไม้หรือพลาสติก โดยใบเลื่อยจิ๊กซอว์จะมีลักษณะฟันตัดที่แตกต่างกันไปตามลักษณะงานตัดที่ต้องการ
3 คุณสมบัติสำหรับการเลือกใช้ใบเลื่อยจิ๊กซอว์
- รูปทรงของฟัน: ใบเลื่อยจิ๊กซอว์มีรูปทรงฟันที่แตกต่างกันตามการใช้งาน เช่น ฟันมีรูปแบบที่ตัดเรียบ เหมาะสำหรับวัสดุที่เป็นเนื้ออ่อน เช่น ไม้ และเฟือง ส่วนฟันที่มีรูปแบบเฉียบคมมากเหมาะกับวัสดุที่แข็งแรง เช่น เหล็ก พลาสติก เป็นต้น โดยสามารถแบ่งแยกย่อยออกมาได้เป็น 3 ส่วน
- ความยาวของใบเลื่อย : ความยาวใบเลื่อยควรมีความยาวมากกว่าความหนาของชิ้นงานอย่างน้อยประมาณ 2.5 ซ.ม. ขึ้นไปเพื่อลดโอกาสที่ใบเลื่อยจะเกิดการติดขัดระหว่างเคลื่อนที่ขึ้นลง
- ความกว้างของใบเลื่อย : ใบเลื่อยที่มีความกว้างของใบน้อยกว่านั้นออกแบบเพื่อให้สามารถตัดเป็นมุมโค้งได้ดีกว่า ใบเลื่อยใหญ่ที่เน้นการตัดในแนวตรง
- จำนวนฟันเลื่อยต่อนิ้ว (Teeth per inch – TPI) ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญที่สุด เนื่องจากส่งผลต่อความเรียบเนียนของรอยตัดของชิ้นงาน
- ด้ามจับหรือบ่าสวมของใบเลื่อยจิ๊กซอว์ : ด้ามจับใบเลื่อยนี้ว่าเป็นบ่าสวมใบเลื่อยก็ได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ
- ด้ามจับแบบ U-Shank โดยที่ส่วนปลายของใบเลื่อย จะมีลักษณะเป็นบ่าเว้าหรือมีการเจาะรู เพื่อใช้จับกับสกรูในการยึดใบเลื่อยกับหัวจับของเลื่อยจิ๊กซอว์ ซึ่งส่วนมากจะเป็นเลื่อยจิ๊กซอว์รุ่นเก่า
- ด้ามจับแบบ T-Shank เป็นด้ามจับซึ่งจะใช้แคลมป์หนีบใบเลื่อยไว้ สังเกตได้ว่า ที่ส่วนปลายจะมีลักษณะเป็นหัวมนหรือหัวตัด เพื่อให้เข้ากับร่องภายในของเลื่อยจิ๊กซอว์ ทำให้สามารถเปลี่ยนใบเลื่อยได้สะดวกและรวดเร็วกว่า U-Shank ซึ่งเลื่อยจิ๊กซอว์ในปัจจุบันนี้ จะเน้นใช้ด้ามจับแบบ T-Shank เป็นส่วนมาก
- วัสดุของใบเลื่อย: ใบเลื่อยมักทำจากวัสดุต่าง ๆ ออกแบบมาเพื่อใช้งานที่เหมาะสมกับงานตัดที่ต้องการ โดยวัสดุที่นิยมใช้มี 4 ชนิด
- ใบเลื่อยชนิดเหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel – HCS)
- ใบเลื่อยชนิดเหล็กกล้าความเร็วสูง (High Speed Steel – HSS)
- ใบเลื่อยชนิด Bimetal (BIM)
- ใบเลื่อยชนิดทังสเตนคาร์ไบด์ (Tungsten Carbide)
ตัวอย่างงานตัดที่นิยมใช้ใบเลื่อยจิ๊กซอว์
- งานตัดไม้: ใบเลื่อยจิ๊กซอว์ที่มีฟันบางและเรียบบนเหมาะสำหรับงานตัดไม้ เช่น การตัดบานปลาย, การตัดเฟือง, หรืองานช่างไม้ทั่วไป
- งานตัดโลหะ: ใบเลื่อยจิ๊กซอว์ที่มีฟันที่คมและทนทาน เช่น ฟันที่เป็นแบบ Tungsten Carbide (คาร์ไบด์ทังสเตน) เหมาะสำหรับงานตัดโลหะ เช่น ตัดท่อโลหะ, แผ่นเหล็ก, หรืองานที่ใช้โลหะเป็นวัสดุ
- งานตัดพลาสติก: ใบเลื่อยจิ๊กซอว์ที่มีฟันน้อยและเรียบบนเหมาะสำหรับงานตัดพลาสติก เนื่องจากพลาสติกมักจะแตกง่ายเมื่อใช้ใบเลื่อยที่มีฟันมากหรือคมมากเกินไป
- งานตัดเฟืองและกระจก: ใบเลื่อยจิ๊กซอว์ที่มีฟันบางและเรียบบนมักใช้สำหรับงานตัดเฟืองและกระจก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและไม่ทำให้วัสดุแตกแต่งง่าย
การเลือกใบเลื่อยจิ๊กซอว์ให้เหมาะกับงานสามารถพิจารณาได้จาก 3 คุณสมบัติ เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่สวยเนี้ยบและมีประสิทธิภาพที่สุด อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการเกิดอันตรายในการทำงานได้อีกด้วย
หากผู้ประกอบการที่ต้องการสั่งผลิตเครื่องจักร แม่พิมพ์ หรือเครื่องมือทางวิศวกรรม สหพรทูลพร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำด้วยประสบการณ์ด้านการผลิตชิ้นงานมามากกว่า 42 ปี ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อที่เว็บไซต์ http://sahaporntool.com หรือโทร 083-495-4402 หจก.สหพรทูล ผู้นำในการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่มีความละเอียด แม่นยำและคุณภาพสูงตรงตามความต้องการของลูกค้า